ในสังคมชาวอีสานแต่ละครัวเรือนจะปลูกเรือนขนาดพอเหมาะในลักษณะครอบครัวเดียวเมื่อสมาชิก
ในครอบครัว
แต่งงานก็ขยับขยายไปปลูกเรือนอีกหลังหนึ่ง เรียกว่าเรือนเหย้าถ้าไม่สามารถปลูกเรือนเหย้าได้ ก็จะปลูกในบริเวณที่นาเป็น
เรือนเหย้ากึ่งถาวรชนิดตบซึ่งเป็นที่พักไม่ยกพื้นบางส่วนทรงหลังคาเป็นลักษณะเผิงโดยสร้างตูบเข้ากับเล้าข้าวของเรือนพ่อ
แม่ส่วนเรือนเหย้ากึ่งถาวรชนิด " ตั้งต่อดิน " และ"
ดั้งตั้งขื่อ " เป็นคำเรียก ของชาวไทยอีสานหมายถึงตัวเสาดั้งจะตั้งฝังดิน
หรือแค่ขื่อและใช้ไม้ท่อนเดียวตลอดสูงขึ้นไปรับอกไก่ เป็นเรือนพักอาศัย
ที่แยกตัวออกจากเรือนใหญ่ แต่ดูเป็นสัดส่วนกว่า
ตูบต่อเล้า
ไพหญ้า
หลังคามักใช้วัสดุท้องถิ่น มุงหลังคาที่กองเป็นตับแล้วเรียกว่า ไพหญ้า
|
|
|
ฝาอ้อมฟาก
เรือนเหย้ากึ่งถาวรชนิดดั้งตั้งขื่อฝาเรือนไม้ใช้ไผ่มาเฉาะปล้องออกแล้วสับให้แผ่ออกเป็นแผง
มีไม้เคร่านอนเป็นตัวรัดยาวตลอดฝา |
เถียงนาหรือเถียงไฮ่
ที่พักชั่วคราวเวลาไปนาเพราะที่นาอยู่ห่างเรือนมักไม่ทำฝาหากต้องอาศัยค้าง
แรมก็จะกั้นฝาด้วยแกบตองหลังคา มุงหญ้าหรือเป็นไม้ที่รื้อมาจากเรือนเก่า
|
|
|
ฝาแถบทอง
ฝาเรือนมักใช้ฝาแถบทองโดยใช้ใบถุง
(ใบพลวง) หรือใบชาด มาประกบด้วยไม้ไผ่
สานโปร่งเป็นตาราง
|