ประเพณีแห่ผีตาโขน จัดเป็นส่วนหนึ่งในงานบุญประเพณีใหญ่หรือที่เรียกว่า "งานบุญหลวง" หรือ "บุญผะเหวด" ซึ่งตรงกับเดือน 7 มีขึ้นที่อำเภอด่านซ้ายและอำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย และจัดเป็นการละเล่นที่ถือเป็นประเพณีทุกปี เกี่ยวโยงกับงานบุญพระเวสหรือเทศน์มหาชาติ ประจำปีกับพระธาตุเจดีย์สองรัก ปูชนียสถานสำคัญของท้องถิ่น กล่าวกันว่า การแห่ผีตาโขนเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระเวสสันดรและนางมัทรีจะเดินทางออกจากป่า กลับสู่เมืองบรรดาผีป่าหลายตนและสัตว์นานาชนิดอาลัยรักจึงพาแห่แหนแฝงตนและแฝงตัว มากับชาวบ้านเพื่อมาส่งทั้งสองพระองค์กลับเมือง เรียกกันว่า "ผีตามคน" หรือ "ผีตาขน" จนกลายมาเป็น "ผีตาโขน" อย่างในปัจจุบัน
![]() |
ส่วนตำนานท้องถิ่นเล่ากันว่า มีคู่รักที่ถูกกีดกันคู่หนึ่งพากัน หลบเข้าไปอยู่ในอุโมงค์พระธาตุศรีสองรักเมื่ออุโมงค์ถูกปิด ตายทั้งคู่จึงถูกขังอยู่ข้างในจนเสียชีวิตด้วยกัน กลายเป็น "เจ้าพ่อกวน" และ "เจ้าแม่นางเทียมเฝ้าดูแลรักษาองค์พระ ธาตุตลอดมา และเมื่อถึงเทศกาลแห่พระอุปคุต (พระภิกษุ ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชซึ่งประทับอยู่เหนือรัตนบัลลังก์ |
กลางมหาสมุทรผู้มีอิทธิฤทธิ์สามารถปราบปรามพวกมารซึ่งจะมาก่อก่วนหรือระงับงานบุญต่างๆ เมื่อมีงานบุญครั้งใดจึงมักจะมีการนิมนต์พระอุปคุตมาทุกครั้ง) ในพิธีขอฝนของท้องถิ่น การจัดงานจะแบ่งเป็น 2 วัน ในวันแรกของการจัดงาน หรือที่เรียก "วันฮวม" ก่อนสว่างเล็กน้อย ก็จะมีบรรดาผีตาโขนทั้งหลาย ซึ่งส่วนมากจะเล่นกันเฉพาะผู้ชายตั้งแต่เด็กรุ่นๆ ถึงผู้ใหญ่ใน เครื่องแต่งกายรุ่มร่ามสวมหมวกและหน้ากากที่ทำจากหวดนึ่งข้าวเหนียวแต่งแต้มระบายสีมีจมูก เป็นงวงช้าง มีหางเป็นกระดึงกระดิ่ง เพื่อให้น่าเกลียดและน่ากลัว พากันตั้งขบวนแห่มาที่วัด โพนชัย ทำการแห่รอบวัด 3 รอบ จากนั้นก็ออกจากวัด แห่ไปยังหมู่บ้านต่างๆ ถือเป็นการเยี่ยม เยียนสังสรรค์กันระหว่างชาวหมู่บ้านและบรรดาผีตาโขนทั้งหลาย ในวันที่ 2 เป็นการรวมเอางานบุญประเพณีประจำเดือนต่างๆของปีมารวมกันจัดในงานบุญหลวง เช่น งานบุญพระเวส และงานบุญบั้งไฟเป็นต้นขบวนผีตาโขนจะไปร่วมในขบวนแห่พระเวสสันดร และนางมัทรีเข้าเมือง เสร็จแล้วผู้เล่นผีตาโขนจะนำเครื่องแต่งกายทั้งหมดไปทิ้งที่แม่น้ำหมัน (ซึ่ง ถูกสมมติว่าเป็นท้องทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล)จากนั้นเวลาค่ำก็จะมีการเทศน์มหาชาติถึง 13 กัณฑ์ เป็นอันเสร็จพิธี