ประเพณีทอดกฐินนี้เป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณกาลเพราะเป็นประเพณีที่ พุทธศาสนิกชนถือว่าเมื่อได้ทอดกฐิน แล้วจะเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ เป็นผลบุญทั้งในชาตินี้ และชาติหน้า "กฐิน" แปลว่า กรอบไม้สำหรับขึงเย็บผ้าจีวรของพระภิกษุสงฆ์ เรียกว่า "สดึง" เพราะในสมัยโบราณไม่มีจักรเย็บผ้าจึงต้องอาศัยสะดึง เมื่อสำเร็จเป็นผ้ากฐินแล้วจึงได้นำไป ทอดแก่พระภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ตลอด 3 เดือนเรียกว่า "ทอดกฐิน" การทอดกฐิน ก็คือการนำผ้ากฐินไปไว้ต่อหน้าสงฆ์ซึ่งมีจำนวนอย่างน้อย 5 รูป โดยมิได้เจาะจงว่าจะถวายภิกษุรูปใด พร้อมกับกล่าวคำถวายกฐินเมื่อจบคำถวายแล้วพระสงฆ์ จะรับพร้อมกันว่า "สาธุ" แล้วผู้เป็นเจ้าภาพหรือเป็นประธานในการทอดกฐินนั้นก็เข้าไปเอาผ้า ไตรกฐินประเคนภิกษุรูปใดรูปหนึ่งก็ได้หรือจะไม่ประเคนเอาไปวางไว้เฉยๆ ก็ได้แล้วต่อจากนั้นก็ จัดการถวายเครื่องบริขารต่างๆ ตามที่ได้เตรียมมาต่อจากนั้นพระสงฆ์ก็จะได้จัดการมอบผ้าไตร กฐินนั้นให้แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ที่ลงความเห็นแล้วว่าเป็นผู้สมควรจะได้รับผ้านั้นเมื่อท่านทำพิธี กรานกฐินเสร็จแล้ว ท่านก็จะได้อนุโมทนาต่อไป
![]() | ประเพณีการทอดกฐินอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า "จุลกฐิน"
ซึ่งถือ กันว่าได้รับอานิสงส์มากเช่นเดียวกันวิธีทอดต้องไปเก็บเอา ฝ้ายมาปั่นเป็นด้ายแล้วทอให้เป็นผืนผ้ากฐินให้เสร็จ ในวัน เดียวกัน แต่การทอดจุลกฐินต้องช่วยกันหลายคน จึงแล้ว เสร็จในวันเดียว และต้องให้ทันกับเวลาอีกด้วย |
ระยะเวลาในการทอดกฐินมีกำหนดตั้งแต่ แรม 1ค่ำ เดือน11 ไปจนถึงกลางเดือน12 มีกำหนด 1 เดือนภายหลังจาก ออกพรรษาแล้วจะทอดก่อนหรือหลังที่กำหนดนี้ไม่ได้ วิธีทอดกฐินซึ่งปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบันนี้ มี 2 อย่าง คือ พระอารามใดที่เป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทอดด้วยพระองค์เองบ้างหรือพระราชทานให้พระบรม วงศานุวงศ์หรือผู้แทนพระองค์ไปถวายแทนพระองค์บ้าง พระราชทานให้กรมกองต่างๆนำไป ทอดบ้าง
![]() |
สำหรับวัดราษฎร์นั้น ชาวบ้านจะจัดการทอดกันเองโดยทำเป็น กฐินสามัคคี หรือจะทอดแต่ผู้เดียวก็ได้ ก่อนที่จะนำไปทอดนั้น จะต้องทำการจองกฐินเสียก่อน ป้ายประกาศจองกฐินนั้นจะปิด ไว้ตั้งแต่ในพรรษา เพื่อจะได้มีผู้พบเห็นและมาร่วม ทำบุญด้วย |