รหัสบุคคล (PIN Code)

รหัสบุคคล (PIN : Personal Identification Number)
รหัสบุคคล (PIN) คืออะไร
รหัสบุคคล คือ เลขหรืออักษรจำนวนหนึ่งที่กำหนดขึ้นเป็นรหัสลับเพื่อใช้เป็นรหัสผ่านเข้าไปสู่ ระบบงาน หรือการให้บริการในระบบคอมพิวเตอร์ ภายใต้ข้อกำหนดหรือรูปแบบ ที่หน่วยงาน ผู้ให้บริการจะกำหนดขึ้น และเป็นรหัสในการ รับ - ส่ง ไปรษณีย์อิเลคทรอนิคส์ (E-mail) ของประชาชนแต่ละคน
ทำไมต้องมี PIN
ในโลกปัจจุบันและอนาคต จะเป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสารผ่านระบบสื่อสาร และเทคโนโลยี่ที่ทันสมัย ซึ่งจะอำนวยความสะดวกต่อผู้ใช้ข้อมูลเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านของเวลาและสถานที่ ยกตัวอย่าง เช่น
1.หากผู้ใช้ข้อมูลต้องการทราบว่าตนเองมีสิทธิในการเลือกตั้งหรือไม่จะไปใช้ สิทธิที่ใด หรือ
2. หากผู้ใช้ข้อมูลมีความประสงค์ที่จะตรวจสอบ หรือพิมพ์รายการที่เกี่ยวข้องกับประวัติตนเอง
จากระบบการทะเบียน และระบบงานอื่น ๆ ของรัฐก็สามารถดำเนินการได้
โดยเรียกข้อมูลเหล่านี้จากเครื่องคอมพิวเตอร์ของตน หรือที่มีการติดตั้งไว้เป็นสาธารณะ เช่น อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เครื่องเบิกเงินสด อัตโนมัติ (ATM) และมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับฐานข้อมูลนั้น ๆ การเรียกดูข้อมูลหรือตรวจสอบรายการดังกล่าว จะเห็นได้ว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลส่วนบุคคล มิใช่ข้อมูลสาธารณะที่บุคคลหรือหน่วยงานโดยทั่วไปจะเข้าไปตรวจสอบค้นหาได้ ดังนั้นจึงต้องมีรหัสบุคคลเพื่อใช้เป็นรหัสผ่านก่อนเข้าไปดำเนินการกับข้อมูล จึงกล่าวได้ว่า
รหัสบุคคล จึงเป็นระบบแห่งความปลอดภัย ที่จะป้องกันมิให้ผู้อื่นเข้าไปสู่ประวัติรายการบุคคลของเจ้าของประวัติได้
รหัสบุคคล (PIN) ของกรมการปกครอง
กรมการปกครอง ซึ่งเป็นผู้ดูแลฐานข้อมูลทะเบียนประวัติรายการบุคคลที่สำคัญ ๆ อยู่หลายระบบ อาทิเช่น ฐานข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร ฐานข้อมูลทะเบียนเลือกตั้ง ทะเบียนสมรส - หย่า ทะเบียนอาวุธปืน ฯลฯ เป็นต้น มีนโยบายที่จะขยายการให้บริการจากเดิมที่ให้บริการ ณ สำนักทะเบียนต่าง ๆ มาเป็นการให้บริการผ่านเครือข่ายระบบงานคอมพิวเตอร์ ในทุกสถานที่ที่มีเครื่องในการบริการผ่านเครือข่ายระบบงานคอมพิวเตอร์ ในทุกสถานที่ที่มีเครื่องในการบริการไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ (Personal Computer P.C) ที่มีการเชื่องโยงเครือข่ายผ่าน Internet หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ที่ในอนาตคอาจมีการติดตั้งในที่สาธารณะ หรือคอมพิวเตอร์ของภาคเอกชนที่ประสงค์จะให้ใช้งานผ่านระบบที่มีอยู่ เช่น ระบบเครื่องเบิกถอนเงินสดอัตโนมัติ ฯลฯ เป็นต้น การเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนบุคคล จึงต้องมี PIN หรือรหัสบุคคลเป็นสิ่งที่จะบอกให้ทราบว่าผู้ใช้ข้อมูลเป็นเจ้าของประวัติที่มีสิทธิจะขอใช้ข้อมูลของตนเองได้
รหัสบุคคล (PIN) มีคนละ 2 ชุด ดังนี้
1. รหัสที่ 1 (PIN 1) จะกำหนดให้เป็นตัวเลข (เท่านั้น) จำนวน 4 หลัก
2. รหัสที่ 2 (PIN 2) จะกำหนดให้เป็นตัวเลขล้วน หรือมีตัวอักษรปนกันก็ได้ จำนวน 4 หลัก
การได้มาของ PIN
1. ขอผ่านระบบ Internet ทาง Website WWW.DOLA.GO.TH และ WWW.KHONTHAI.COM โดยผู้ขอจะต้องกรอกข้อมูลตามแบบที่กำหนด ส่งเข้ามาใน Website เพื่อยืนยันว่าเป็นเจ้าตัวจริง เมื่อได้รับอนุมัติ จะแจ้งให้ทราบและสามารถใช้ PIN 1 และ PIN 2 ตามที่ระบุไว้ทันที พร้อมทั้งจะได้รับ E-mail Address สำหรับใช้ในการ รับ-ส่ง ข้อความทางระบบไปรษณีย์อิเล็คทรอนิคส์ (E-mail)
2. ขอ ณ สำนักทะเบียนอำเภอ/ท้องถิ่น ที่มีระบบคอมพิวเตอร์ในการบริการประชาชนด้านงานทะเบียนราษฎรแล้ว โดยเจ้าตัวต้องไปแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่
3. สำนักทะเบียนอำเภอ/ท้องถิ่น ที่มีระบบคอมพิวเตอร์ในการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชน จะพิมพ์เอกสารที่มีรหัสบุคคล (PIN 1, PIN 2) ให้กับผู้ที่ไปยื่นขอทำบัตร ฯลฯ กรณีที่ยังไม่เคยได้รับรหัสบุคคลมาก่อน ซึ่งจะเปิดให้บริการเป็นการทดลองการปฏิบัติตั้งแต่ วันที่ 1 สิงหาคม 2544 ในทุกสำนักทะเบียนท้องถิ่นทุกเขตของกรุงเทพมหานคร สำหรับการขยายผลการปฏิบัติใน สำนักทะเบียนอื่น ๆ จะได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบเป็นระยะ ๆ ไป
การเปลี่ยนแปลง รหัสบุคคล (PIN)
สามารถดำเนินการได้ หากรหัสที่ได้รับสูญหาย หรือจดจำไม่ได้ หรือไม่พอใจรหัสดังกล่าว โดยดำเนินการดังนี้
1. ทาง Website ให้ขอเข้าไปเปลี่ยนแปลงได้ที่ WWW.DOLA.GO.TH , WWW.KHONTHAI.COM
2. ณ.สำนักทะเบียนอำเภอ/ท้องถิ่นทุกแห่งที่มีระบบคอมพิวเตอร์บริการงานทะเบียนราษฎร
การนำไปใช้ของหน่วยงานที่เปิดให้บริการ
การกำหนดให้รหัสบุคคลหลักหรือรหัสบุคคลรองสามารถเข้าสู่ระบบการให้บริการของหน่วยงานใด อาจจะเป็นการใช้รหัสบุคคลหลักหรือรหัสบุคคลรองหรือทั้ง 2 รหัส ย่อมขึ้นอยู่กับข้อจำกัด ทางเทคโนโลยีของหน่วยงานนั้น เช่น กรณีตู้ ATM ของธนาคารต่าง ๆ มีข้อจำกัดบนแป้นที่ใช้ในการติดต่อกับเครื่องมีข้อจำกัดเรื่องตัวอักษร จึงต้องใช้ตัวเลข (รหัสหลัก) เป็นต้น
รหัสบุคคลใช้ควบคู่กับเลขประจำตัวประชาชนในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
1. เป็นรหัสสำหรับใช้ในการรับส่งไปรษณีย์อิเลคทรอนิคส์ (E-mail)
2. เป็นรหัสสำหรับการขอตรวจคัดรับรองสำเนารายการทะเบียนผ่านท่าง Internet
3. เป็นรหัสสำหรับการลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งต่างจังหวัด และต่างประเทศผ่านทาง Internet
4. เป็นรหัสสำหรับการใช้สิทธิในอนาคตผ่านทาง Internet
5. เป็นรหัสสำหรับสำหรับการยืนยันตัวบุคคลในการขอทำบัตรประจำตัวประชาชนครั้งต่อไป เพื่อเป็นการป้องกันบุคคลอื่นมาสวมตัวหรือสวมสิทธิขอท่านในการทำบัตร
6. เป็นรหัสในการเปิดดูข่าวสารที่ทางราชการจะแจ้งสิทธิต่าง ๆ ของท่าน เช่น สิทธิไปเลือกตั้ง ท้องที่ที่จะต้องไปขึ้นทะเบียนทหาร ฯลฯ เป็นต้น
7. เป็นรหัสในการแสดงความคิดเห็นและลงประชามติ
8. เป็นรหัสในการขอเข้ารับบริการต่าง ๆ ภาครัฐ (E-GOVERNMENT)
9. เป็นรหัสในการขอเข้ารับบริการทางธุรกิจ (E-BUSSINESS)
10. เป็นรหัสในการยื่นคำร้อง สอบถามข้อมูล หรือจ่ายค่าบริการภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ
  สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่รัฐ จะจัดทำขึ้นให้แก่ประชาชนเพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ นอกจากนี้ยังมีบริการอื่น ๆ อีกมากที่จะตามมา ดังนั้นรหัสบุคคลจึงมีความจำเป็นสำหรับทุกคน ขอให้เก็บรักษาไว้ให้ดี และพยายามจดจำไว้ให้แม่นยำ
"สิทธิของท่าน ท่านพึงต้องรักษาไว้ด้วยตัวของท่าน"